กรดไหลย้อน

ภาวะกรดไหลย้อนเรื้อรังจะทำให้คุณทรมาน และส่งผลกระทบกับชีวิตของคุณได้ อาการแสบร้อนยอดอกอาจรบกวนการนอนหลับ และอาจรบกวนการทำงานของคุณให้ไม่มีประสิทธิภาพ เมื่ออาการเป็นมาก อาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นภาวะหัวใจวายได้ คุณอาจรู้สึกเหมือนว่าคุณจะตายได้จากอาการแสบร้อนยอดอกนี้ เมื่อคุณได้รับการวินิจฉัยเป็นภาวะกรดไหลย้อน (GERD) ไส้เลื่อนกระบังลม (hiatal hernia) แผลในกระเพาะอาหาร หรือภาวะอื่นๆ ที่ทำให้มีอาการแสบร้อนยอดอก คุณจะมีหลายสิ่งที่ขัดขวางคุณ และคุณคงไม่ต้องการให้การดำรงชีวิต หรืออุปนิสัยในการกินของคุณมาทำให้อาการเป็นมากไปกว่านี้ และอาจเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องเลิกรับประทานของโปรดบางอย่างของคุณ
ถึงแม้ว่าคุณและแพทย์จะตัดสินใจเรื่องการรักษาภาวะกรดไหลย้อน ไส้เลื่อนกระบังลม หรือแผลในกระเพาะอาหารไปแล้ว การรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำก็ยังคงมีความสำคัญเท่าๆ กับการรู้ว่าอะไรควรทำบ้าง สิบอย่างต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณอาจทำอยู่ และควรจะหยุดหากคุณไม่ต้องการจะทรมานจากอาการกรดไหลย้อน

1. อย่ากินมากเกินไป การกินเป็นมื้อเล็กๆ จะช่วยเรื่องอาการแสบร้อนยอดอกได้ อาหารมื้อใหญ่จะทำให้กระเพาะขยาย และเพิ่มแรงดันที่กระทำต่อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง (lower esophageal sphinctor-LES) ลองทำตามข้อแนะนำเหล่านี้ดู

-กินเป็นมื้อเล็กๆ หกมื้อต่อวันแทนที่จะกินมื้อใหญ่สามมื้อต่อวัน การทำแบบนี้จะช่วยให้ไม่แน่นกระเพาะ และยังช่วยป้องกันไม่ให้กระเพาะอาหารสร้างกรดมากเกินไปอีกด้วย

-อาหารสามมื้อเล็กๆ และอาหารเสริมอีกสามมื้อก็ช่วยได้เช่นกัน

2. อย่ากินเร็วเกินไป เมื่อเรากินเร็วเกินไป ระบบทางเดินอาหารของเราจะทำงานได้ไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็น ทำให้อาหารไม่ย่อย ซึ่งเพิ่มโอกาสเกิดอาการกรดไหลย้อนได้

แนวทางบางอย่างที่ช่วยให้คุณกินอาหารช้าลง

-วางช้อนส้อมลงในระหว่างแต่ละคน

-เคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน

-เคี้ยวอาหาร 20 ครั้ง หรือนับให้ถึง 20 ก่อนที่จะกินคำถัดไป

-กินคำเล็กลง

3. ไม่กินอาหารที่กระตุ้นให้เกิดอาการกรดไหลย้อน

นี่เป็นเหตุผลบางประการว่าทำไมอาหารบางชนิดทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อน

1. อาหารบางชนิดทำให้หูรูดหลอดอาหารส่วนล่างคลายตัวในเวลาที่ไม่ควร
2. อาหารบางชนิดทำให้กระเพาะอาหารสร้างกรดมากเกินไป

เมื่อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างมีปัญหา อาหารและกรดในกระเพาะจะไหลย้อนกลับขึ้นมาในหลอดอาหาร อาหารบางชนิดที่ทำให้หูรูดหลอดอาหารส่วนล่างคลายตัว ได้แก่

• อาหารทอด (มัน)
• เนื้อที่มีมันมาก
• ซอสที่เป็นครีม
• ผลิตภัณฑ์นมเต็มมันเนย
• ช็อคโกแลต
• เปปเปอร์มินต์
• เครื่องดื่มมีคาเฟอีน เช่นน้ำอัดลม กาแฟ ชา โกโก้

อาหารที่อาจกระตุ้นการสร้างกรดในกระเพาะและเพิ่มอาการกรดไหลย้อน

• เครื่องดื่มมีคาเฟอีน
• เครื่องดื่มอัดแก็ส
• แอลกอฮอล์
• อาหารรสจัด
• ผลไม้ตระกูลส้มและน้ำผลไม้ เช่น ส้ม ส้มโอ
• ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากมะเขือเทศ

4. ไม่ควรที่จะไม่เตรียมตัวเมื่อต้องออกไปกินข้าวนอกบ้าน

การรู้ว่าสิ่งใดที่จะกินได้อย่างปลอดภัย และสิ่งใดที่ควรหลีกเลี่ยง มีความสำคัญในการกินข้าวตามร้านอาหารเช่นเดียวกันกับการกินข้าวที่บ้าน การถามว่าอาหารนี้ถูกปรุงมาอย่างไร การหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มบางชนิด และระมัดระวังปริมาณอาหาร เป็นสิ่งที่ทำให้การป้องการการเกิดกรดไหลย้อนสำเร็จได้ ตัวเลือกที่เหมาะสมในการหลีกเลี่ยงการเกิดกรดไหลย้อนเมื่ออยู่ในร้านอาหาร

-เนื้อสัตว์สีขาว

-เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน

-แซนด์วิชจากขนมปังธัญพืชไม่ขัดสีไส้ไก่งวง เนื้อไก่ หรือเนื้ออบ

-อาหารปิ้งย่าง

-ซุปใส

-ผักนึ่ง

-มันฝรั่งอบราดน้ำสลัดไขมันต่ำ

-น้ำสลัดชนิดไขมันต่ำหรือชนิดไม่มีไขมัน

-ของหวานเบาๆ เช่นเค้กนางฟ้า (angel food cake)

การกินอาหารที่ร้านอาหารจีน เม็กซิกัน หรืออิตาเลียนอาจยุ่งยากกว่า เนื่องจากอาหารที่ร้านอาหารเหล่านี้อาจมีส่วนประกอบที่กระตุ้นอาการกรดไหลย้อนได้ คุณอาจกินอาหารที่ร้านเหล่านี้ได้หากคุณรู้ว่าจะต้องหลีกเลี่ยงอะไรบ้าง

5. อย่าเข้านอนทันทีหลังกินอาหาร

การล้มตัวลงนอนในขณะที่กระเพาะอาหารยังเต็มแน่นจะทำให้อาหารในกระเพาะกดหูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง เพิ่มโอกาสที่อาหารจะไหลย้อนขึ้นไปได้ ให้ลองวิธีต่อไปนี้

-รออย่างน้อยสองถึงสามชั่วโมงหลังกินข้าวก่อนจะเข้านอน

-หลีกเลี่ยงขนมมื้อดึก

-หากมื้อไหนที่จะเป็นมื้อใหญ่ ควรจะให้เป็นมื้อกลางวันมากกว่ามื้อเย็น

6. อย่านอนหงายราบเวลานอน

การนอนหงายราบจะทำให้อาหารในกระเพาะกดหูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง การนอนหัวสูงจะทำให้มีแรงโน้มถ่วงที่ช่วยลดแรงกดดังกล่าว

คุณอาจนอนหัวสูงได้หลายวิธี

-วางก้อนอิฐ หิน หรืออะไรก็ตามที่แข็งแรงมั่นคงรองขาเตียงฝั่งหัวนอน

-ใช้หมอนรูปลิ่มหนุนหัวและไหล่

7. ไม่สูบบุหรี่

หากคุณสูบบุหรี่ คุณควรพิจารณาเลิก การสูบบุหรี่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพมากมาย และกรดไหลย้อนก็เป็นหนึ่งในนั้น นี่เป็นความจริงอย่างแน่นอนสำหรับคนที่เป็นโรคกรดไหลย้อน

การสูบบุหรี่เพิ่มโอกาสการเป็นกรดไหลย้อนได้โดยบางกลไก ดังนี้

-ลดการสร้างน้ำลาย การสูบบุหรี่ลดการสร้างน้ำลาย ซึ่งน้ำลายมีฤทธิ์เป็นด่างและช่วยลดความเป็นกรดในกระเพาะได้ น้ำลายยังช่วยลดอาการกรดไหลย้อนจากการที่ไหลอาบไปตามหลอดอาหารและลดผลจากการที่กรดไหลย้อนเข้ามาในหลอดอาหารโดยการชะล้างมันกลับลงไปในกระเพาะอาหาร

- เพิ่มกรดในกระเพาะ การสูบบุหรี่เพิ่มการสร้างกรดในกระเพาะอาหารได้ นอกจากนี้ยังอาจกระตุ้นการเคลื่อนที่ของเกลือน้ำดี (bile salt) จากลำไส้มายังกระเพาะอาหาร ซึ่งทำให้กรดในกระเพาะอาหารก่ออันตรายได้มากขึ้น

- ทำให้การทำงานของหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างแย่ลง การสูบบุหรี่ทำให้หูรูดหลอดอาหารส่วนล่างอ่อนแอและคลายตัว ซึ่งเป็นทางกั้นรอยต่อระหว่างหลอดอาหาร และกระเพาะอาหาร หากหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างทำงานได้ไม่ดี หรือคลายตัวไม่เหมาะสม อาหารในกระเพาะอาหารจะท้นกลับไปในหลอดอาหารได้

- ความเสียหายต่อหลอดอาหาร การสูบบุหรี่จะทำอันตรายต่อหลอดอาหารโดยตรง ยิ่งกว่าที่ความเสียหายจากกรดไหลย้อนเสียอีก

8. อย่าดื่มหนักเกินไป

แอลกอฮอล์เพิ่มปริมาณการสร้างกรดในกระเพาะอาหาร และทำให้หูรูดหลอดอาหารส่วนล่างคลายตัว หากคุณต้องการดื่มแอลกอฮอล์บ้างในงานเลี้ยงฉลอง ให้ลองวิธีต่อไปนี้

-เจือจางเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยน้ำหรือโซดา

-จำกัดการดื่มไว้ที่เหล้าผสมไม่เกินหนึ่งถึงสองแก้ว ไวน์ไม่เกินสิบหกออนซ์ และเบียร์ไม่เกินสาม

-ดื่มไวน์ขาวแทนไวน์แดง

-เลือกเบียร์ หรือไวน์ชนิดปราศจากแอลกอฮอล์

-สังเกตว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดใดที่ทำให้มีอาการกรดไหลย้อน และหลีกเลี่ยงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

9. อย่าสวมใส่เสื้อผ้าที่คับแน่นเกินไป

เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่รัดแน่นแถวท้อง เช่นเข็มขัดแน่นๆ หรือสายรัดเอวอาจบีบกระเพาะ และบีบให้อาหารผ่านหูรูดอาหารส่วนล่างขึ้นมาได้ ทำให้อาหารในกระเพาะไหลย้อนขึ้นมาในหลอดอาหารได้

10. อย่าเครียดเกิดไป

ความเครียดไม่ได้ก่อให้เกิดอาการกรดไหลย้อนโดยตรง แต่อย่างไรก็ตามมันทำให้เกิดพฤติกรรมที่กระตุ้นอาการกรดไหลย้อนได้ ในช่วงเวลาที่มีความเครียด กิจกรรมปกติประจำวันจะถูกรบกวน และคุณอาจไม่ได้กินอาหาร ออกกำลังกาย หรือกินยาตามกำหนดในเมื่อความเครียดอาจมีผลโดยอ้อมให้เกิดกรดไหลย้อน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องหาวิธีคลายเครียด และลดการเกิดกรดไหลย้อนที่เกี่ยวข้องกับความเครียด คุณอาจลองใช้วิธีคลายความเครียดเหล่านี้ได้